เทคนิค การ เป่า ยิ้ง ฉุบ

on วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อ่านเจอจากกระทู้หนึ่งในเว็บพันทิป ห้องหว้ากอ เคล็ดลับและเทคนิค...แม้จะไม่เป็นที่ยืนยันแน่นอน แต่ก็มีเคล็ดลับบางประการในการเล่นเป่ายิ้งฉุบดังนี้



  1. การเล่นเป่ายิ้งฉุบนั้น เริ่มต้นด้วยการกำมือ และแบเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆเมื่อออกเสียงคำว่า"ฉุบ" ตามหลักจิตวิทยาแล้ว ผู้เล่นส่วนมาก มักจะออก"กรรไกร" หรือ "กระดาษ" ในตาแรก (เนื่องจากการออก"ฆ้อน" นั้น ยังคงสภาพกำมือไว้แบบเดิม ตามความรู้สึกแล้ว ผู้เล่นจึงมักจะไม่ออกค้อนในตาแรก) ฉะนั้น หากในตาแรกออก "กรรไกร" ไว้ก่อน เมื่อปะทะกับกรรไกร หรือกระดาษของฝ่ายตรงข้าม ก็จะมีโอกาสชนะ หรือเสมอมากกว่าแพ้
  2. ในตาที่สอง ให้ออกสัญลักษณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามออกไว้ในตาที่แล้ว (เช่น ฝ่ายตรงข้ามออก "กรรไกร" ก็ให้ออก "กรรไกร" ตามในตาถัดไป) จะมีโอกาสชนะมากกว่า....

Jaman.com หนังอินดี้โกอินเตอร์บนโลกไซเบอร์


เว็บไซต์หนังอินดี้ ของอเมริกัน น้องใหม่ที่ชื่อว่า Jaman เปิดตัวอย่างเจ๋งเป้งให้บรรดาเหล่าสาวกแฟนๆ นักดูหนัง และ ทำหนัง อินดี้ ในอังกฤษ ได้ตื่นตาตื่นใจกันแล้ว แน่นอนโปรเจ็คครั้งนี้ ต้องมี เอี่ยวกับ MySpace ของนาย David Fischer แน่ๆเพราะระบบเหมือนปั๊มแม่พิมพ์กันมาเด๊ะๆ


หนังอินดี้ หลากหลายเรื่อง ได้ถูดเผยแพร่ให้ผู้ชมได้เข้าไปชม หรือ ดาวน์โหลดไปมากกว่า  1,000 เรื่องซึ่งที่แน่ๆครับ ฟรี ฟรี Free Free! เช่นเคย พอจะทำให้เห็นว่าในระยะเวลาสั้นๆ เว็บไซต์หนังอินดี้ รายนี้ได้เติบโตอย่างมากในด้านของ Social Network กลยุทธที่ชัดเจนก็มาจากการใช้ความ รื่นเริง บันเทิง แบ่งปัน

ภาพยนต์ในเว็บไซต์นั้น มีคุณภาพ ไม่ได้ สะเปะสะปะแบบ Youtube ที่ใครจะ ถ่ายคลิปเล่นๆแล้วไป Post ไว้ ภาพยนต์ที่คุณจะพบใน Jaman นั้นจะเป็น สิ่งที่ รังสรรค์ และ สรรสร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของเหล่าผู้สร้างหนังอินดี้

ยังไม่พอครับ Channel ของ สมาชิกใน Jaman นั้นยังสามารถ Sync กับระบบของ Facebook ซึ่งคือSocial Network ที่น่าสนใจและได้รับความนิยมที่สุดใน อเมริกาอีกต่างหาก
เหล่าสาวกอินดี้ทั้งหลายรอช้าอยู่ใยของฟรีดีๆมีให้ดูก็ไปดูกันนะจ๊ะ....

21 กรัม (Grams) ชีวิตที่ไม่ไร้น้ำหนัก

on วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ชีวิตที่ยึดติด และ จิ๊กซอว์ที่ปะต่อชีวิต 21 Grams ว่ากันว่าน้ำหนัก 21 กรัม คือน้ำหนักที่จะสูญเสียไปเมื่อเราตาย, คือน้ำหนักเหรียญ 5 นิกเกิล, คือน้ำหนักของนกฮัมมิ่งเบิร์ด, คือน้ำหนักของช็อคโกแลตบาร์ และ ไม่แน่ใจว่า.. มันคือน้ำหนักของ "วิญญาณ"

อันว่าชีวิตนั้นมันมีน้ำหนักสักเท่าไร ?
แล้วความรักล่ะ ความผิดมลทินในใจล่ะ และความแค้นล่ะ มันหนักเท่าไร ?

สิ่งที่เรายึดติดนั้นล้วนเป็นเป็นเพียงภาพลวงตา การจมอยู่กับมันนั้นล้วนนำมาซึ่งการดำดิ่งและความว่างเปล่า สิ่งที่สุดท้ายที่เราควรจะผูกยึดกับมันมากที่สุดนั้นคือ ตัวเราเอง มากกว่า เราจะต้องลุกขึ้นและก้าวชีวิตต่อไปด้วยขาของเราเอง 

แต่ดูเหมือนว่าคน บางคนจะอ่อนแอและมืดบอดเกินไปที่จะมองเห็นตัวเอง

โลกหมุนไป เพื่อให้เราได้มาใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
มันหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบตัวเรา
จนกระทั่งนำพาเราไปพบกับห้วงแห่งความฝัน

ชอบจริงๆเล้ย 21 Grams


Symbolic นิทานก่อนนอน หรือ นิทานฆาตกรรม?

on วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รู้จักเทพนิยายกริมส์ หรือ นิทานกริมส์มั้ย? พวกเช่น หนูน้อยหมวกแดง, สโนว์ไวท์ฯ, ซินเดอเรล่า ฯลฯ คุณรู้หรือเปล่าว่าเบื่องหลังนิทานเหล่านั้น มันมีต้นกำเนิดมาก่อน ต้นกำเนิดนั้นมันเป็นนิทานพื้นบ้านของยุโรป ซึ่งมีหลายเวอร์ชั่น และเนื้อหานี้เหลื่อเชื่อมากว่ามันเป็นนิทานก่อนนอนสำหรับเด็กและโครงเรื่องแสนลึกล้ำยากจะจินตนาการ

ว่ากันว่า พี่น้องตระกูลกริมส์เคยคิดเอาโครงเรื่องนิทานพวกนี้มาแต่งให้คงเอกลักษณ์รส ชาติเดิมไว้
ผลเหรอ...ทางสำนักพิมพ์ก็บอกว่าเอาไปแต่งใหม่ดีกว่าเพราะเนื้อหาของมันไม่ เหมาะต่อเยาวชนเด็กและสตรีเพราะมีแต่ความรุนแรง โหดร้าย ทารุณ เซ็กส์ ก่อนที่จะถูกแปลงให้สะอาดและทอนเนื้อหาที่รุนแรง โหดร้ายลง อย่างที่เราๆ

นี่คือ ต้นกำเนิดของมัน หรือ ต้นฉบับ นิทานก่อนนอน ของเรา ซึ่งต้นฉบับนั้น สยอง กว่าที่เราเคยฟัง



หนูน้อยหมวกแดง Symbolic เล่นเซ็กต์ระหว่างสัตว์,กินเนื้อคน (Little Red Riding Hood: Inter-Species Sex Play, Cannibalism) 

เวอรชั่นที่คุณรู้จัก:ใน คริสต์ศตวรรษที่ 19 เรื่องนี้ในฉบับภาษาเยอรมัน ถูกบอกเล่าให้แก่ พี่น้องตระกูลกริมม์. โดยคนพี่ เจค็อบ กริมม์ ฟังมาจาก Jeanette Hassenpflug (ค.ศ. 1791-1860) , ส่วนคนน้อง วิลเฮล์ม กริมม์ ฟังมาจาก Marie Hassenpflug (ค.ศ. 1788-1856) พี่น้องทั้งสอง ได้รวมเนื้อเรื่องจากทั้งสองฉบับนั้น เป็นเรื่องเดียว จนเป็นฉบับปี ค.ศ. 1857 ที่เป็นเนื้อเรื่องที่แพร่หลายในปัจจุบันซึ่งเนื้อเรื่องค่อนข้างจะ จินตนาการมากกว่าฉบับอื่น ๆ ที่ผ่านมา โดยหนูน้อยและคุณยายถูกหมาป่าจับกิน และในภายหลังคนตัดไม้ได้มาช่วย โดยการผ่าท้องหมาป่า ช่วยหนูน้อยและคุณยาย ออกมาได้โดยปลอดภัย

เวอรชั่นเดิม:ที่ มาของเรื่องนี้นั้น เป็นเรื่องที่เล่าปากต่อปาก แพร่หลายอยู่ในหลายประเทศในยุโรป ซึ่งคาดว่าเป็นก่อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 แต่เท่าที่ทราบโดยทั่วไป Le Petit Chaperon Rouge เป็นฉบับแรกสุด ที่ได้รับการตีพิมพ์ จากเนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้านของฝรั่งเศส โดยเนื้อเรื่องนั้น ได้ถูกพิมพ์ในหนังสือ ในปี ค.ศ. 1697 ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวม นิทานและเรื่องเล่าต่าง ๆ พร้อมคติสอนใจ โดย ชาร์ลส แปร์โรลต์ เนื้อเรื่องของฉบับนี้จะค่อนข้างรุนแรง เพราะมีการร่วมเพศระหว่างคนกับสัตว์ โดยหนูน้อยหมวกแดงจะระบำเปลื้องผ้าให้หมาป่าที่ปลอมตัวเป็นคุณยายดู .....ก่อนที่หนูน้อยและคุณยายถูกหมาป่าจับกิน และตายไปเลย......... ซึ่งเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า.....

ใน บางเวอร์ชั่น ตอนที่หนูน้อยกับคุณยายโดนหมาป่าจับแดกไปแล้ว มีนายพรานมาช่วยฆ่าหมาป่า ผ่าท้องหมาป่าช่วยหนูน้อยหมวกแดงกับคุณยายออกมาได้ทัน ซึ่งในต้นฉบับบรรยายไว้แบบนี้

"นายพรานเอากรรไกรมาตัดท้องหมาป่า 1 ฉับ 2 ฉับ มีขาโผล่ออกมา นายพรานตัดท้องไปอีก 2 ฉับ หนูน้อยหมวกแดงร้องไห้โฮออกมาจากท้องของหมาป่า คุณยายที่โดนหมาป่ากินลงไป ก็ยังรอดอยู่ด้วย"

เอิ๊กกกกก นึกภาพตามแล้วสยองพิลึก เอากรรไกรตัดท้องหมาป่า ไอ้หมวกที่หนูน้อยหมวกแดงใส่อยู่ตอนแรกมันอาจจะเป็นหมวกขาวก็ได้นะ มาแดงเอาอีตอนออกมาจากท้องหมาป่านี่แหละ




สโนไวท์เจ้าชายล่อลวงเด็ก Symbolic มนุษย์กินคน (Snow White: Prince Pedophile, More Cannibalism) 

เวอรชั่นที่คุณรู้จัก: (Snow White in her coffin, Theodor Hosemann, 1852)โดยมีเนื้อเรื่องย่อคือแม่เลี้ยงใจร้ายอิจฉาสโนไวท์ที่สวยกว่าตนเลยวาง แผนให้นายพรานพาเธอไปฆ่าที่ป่าทึบ และนำหัวใจกลับมาให้เธอดูเป็นหลักฐาน แต่นายพรานกลับปล่อยสโนไวท์ เธอหนีเข้าไปยังบ้านคนแคระทั้ง 7 พอแม่เลี้ยงทราบข่าวว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เธอเลยปลอมตัวเป็นหญิงชราเอาแอ็ป เปิ้ลพิษให้เธอกิน และสโนไวท์ก็หลับและนอนในโลงแก้ง จนเจ้าชายผ่านมาและก็จูบเธอ และสโนไวท์ก็ตื่นและอยู่ด้วยกันกับเจ้าชายอย่างมีความสุข

เวอรชั่นเดิม:ต้น ฉบับดั้งเดิมเป็น นิทานพื้นบ้านของทาง ที่ มีเค้าโครงเรื่องจริงต้นฉบับเดิมคือ สโนไวท์มีแม่เลี้ยงที่บอกนายพรานเธอใส่อะไรนอกเหนือจากการนำหัวใจให้เธอดู ด้วย โดยมี ตับ, ปอด, ลำไส้, อวัยวะภายใน และรวมเลือด 1 ขวด กับนิ้วเท้าของเธอและแม่เลี้ยงจะนำไปกิน(คงแค้นมากนะนั้น) และพอเสร็จการฆาตกรรมด้วยแอ็ปเปิ้ล แม่เลี้ยงถามกระจกอีก แล้วกระจกบอกว่าสโนไวท์ไม่ได้ตาย และตอนจบสุดท้ายสโนไวท์ ก็แก้แค้นกระทำของแม่เลี้ยงโดยให้เลี้ยงใส่รองเหล้าเหล็กร้อนๆ และบังคับให้แม่เลี้ยงเต้นรำไปจนขาดใจตาย...

และที่น่าสนใจคือ สโนไวท์ในฉบับดั่งเดิมนั้นอายุ 7 ขวบเท่านั้น(โอ้แม่เจ้า) แต่เธอต้องแต่งงานกับเจ้าชายที่แก่กว่าตนหลายเท่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของยุโรป(หรือเปล่า?)
แน่นอนในบางเวอร์ชั่นนั้น สโนไวท์ที่แค่ 7 ขวบก็สวยเกินแม่เลี้ยงแถมฟาดพ่อตัวเองไปเรียบร้อย ส่วนแม่เลี้ยงที่วันๆเอาแต่เฝ้าถามกระจกวิเศษ แท้จริงคือรหัสสำหรับเรียกชู้ของตน ส่วนสโนไวท์หลังจากได้ครองรักกับเจ้าชายก็ยกกองทัพไปทำสงครามกับประเทศตนเอง จับแม่เลี้ยงมาบังคับให้ใส่รองเท้าเหล็กเผาให้เต้นไปจนตาย

ก็เคยมี อ. นักเขียนคนหนึ่งกล่าวถึงว่า ในต้นฉบับดั้งเดิม เธอมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับพ่อของเธอตั้งแต่เด็ก จึงทำให้แม่แท้ๆ ของเธอโกรธและเกลียดชังเธอมากๆ ( เห็นเขาบอกว่า จริงๆ แล้วราชินีนั้นไม่ใช่แม่เลี้ยง แต่เป็นแม่แท้ๆ ที่ให้กำเนิดสโนว์ไวท์ขึ้นมา )



เจ้าหญิงนิทรา Symbolic โคม่า เซ็กต์ (Sleeping Beauty: Coma Sex)

เวอรชั่นที่คุณรู้จัก: เวอร์ชัน ที่คุณรู้ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1697 เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงหนุ่มที่ถูกสาปแช่งโดยแม่มดที่เจ้าหญิงไม่เชิญเธอ ในงานเลี้ยง โดยแม่มดแช่งว่าเธอจะต้องโดนเข็มเย็บผ้าทิ่มแทงนิ้วมือ และตายเมื่อวันเกิดครบรอบ 15 ปี และเมื่อเธอโดนสาป เธอหลับมานานกว่า 100 ปี(ไม่ยายเหรอนั้นแถมไม่ตื่นอีกแสดงว่ายานอนหลับแรงจัด) และแล้วเมื่อถึงวันคลายคำสาปเจ้าชายเด็กก็บุกป่าผ่าดงและพบเจ้าหญิงอายุกว่า 100 ปี จากนั้นก็จูบ เจ้าหญิงตื่นและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข(อิจฉาจังคุณยายได้คั่วเด็ก)

เวอรชั่นเดิม: คุณรู้หรือเปล่า ว่าในนิทานพื้นบ้านฉบับดั้งเดิมนั้น เจ้าหญิงนิทราไม่ได้ตื่นเพราะเจ้าชายจูบ โดยเธอถูก ทำให้หลับโดยพระราชาที่มีมเหสีแล้ว โดยใช้เศษไม้ทิ่มที่ใต้เล็บ และเธอก็หลับไม่ตื่นอีกเลยทำให้พระราชาร่วมประเวณีกับเธอหลายครั้งมานานกว่า ร้อยกว่าปี(พ่อกับลูก!!) ขณะที่เธอยังหลับนั้นก็ได้ตั้งครรภ์ให้กำเนิดลูกแฝด? หลังจากที่เธอได้ให้กำเนิดลูกแฝด แฝดคนหนึ่งต้องการดูดนมแม่ แต่กลับไปดูดเศษไม้ออกจากนิ้วโป้งของเธอ ทำให้เธอได้ตื่นจากนิทราที่ถูกสาป จนเราต้องตั้งคำถามว่ายานอนหลับนี้ยี่ห้ออะไรนี้ถึงหลับนานกว่า 100 ปี โดยไม่ตื่น





รัมเปลสติลล์สกิน Symbolic ตัดเป็นชิ้นๆ, ความตาย (Rumpelstiltskin: Dismemberment, Dead Toddlers)

เวอรชั่นที่คุณรู้จัก: เรื่อง นี้คนไทยอาจไม่รู้จักเท่าไหร่ แต่ถ้าอ่านก็อาจคุ้นๆ (Illustration of Rumpelstiltskin from Andrew Lang's The Blue Fairy Book, ca. 1889) คือกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เจ้าของโรงสีมีลูกสาวสวยที่สามารถม้วนฟางให้เป็นทอง จนเรื่องนี้เข้าหูพระราชาโลภมากเข้า เลยจับขังหอคอยและบอกให้เธอปั่นทองให้ได้เท่านี้ถ้าทำไม่ได้เอ็งตายอย่าง เขียด แต่เอยใครจะบ้าทำได้ในขณะที่หญิงสาวกำลังกลุ่มอยู่นั้นคนแคระก็มาหามันเสนอ แลกเปลี่ยนกับการแลกบุตรที่เธอคลอดคนแรกให้กับมันและจะช่วยให้เด็กสาวสม ปรารถนา จนกระทั้งเด็กสาวทำสำเร็จ ได้แต่งงานพระราชาโลภมาก(ดีไหมนั้น) มีบุตรคนแรก และคนแคระก็มารับเด็กตามข้อตกลงแต่เด็กสาวกลับคำ คนแคระเลยเพิ่มข้อแลกเปลี่ยนเพิ่มโดยทายชื่อเขาให้ถูก โดยมีเวลา 3 วัน (บางเล่มบอกว่าให้ทายแค่ 3 ชื่อในเวลา 3 วัน) เจ้าหญิงเดาชื่อคนแคระไปเรื่อยๆ ทั้ง 2 วันก็ไม่ถูกสักที จนกระทั่งมีคนผ่านไปแอบได้ยินมนุษย์แคระที่ร้องเพลงบอกชื่อของตนว่าเขาชื่อ “รัมเปลสติลล์สกิน”คนผ่านมาเลยไปบอกเจ้าหญิง และสุดท้ายคนแคระเลยอดได้เด็ก

เวอรชั่นเดิม:ที่มา ของเรื่องนี้นั้น เป็นเรื่องที่เล่าปากต่อปากจนกระทั้งพี่น้องตระกูลกริมส์นำมาแต่งใหม่ ซึ่งเวอรชั่นเดิมนั้นหญิงสาวไม่สามารถหาชื่อจริงของคนแคระคนนี้ได้เลย จนสุดท้ายเธอแก้ปัญหานี้โดยต้องเอาลูกคนอื่นสวมรอย พอคนแคระจับได้มันเลยวิ่งจับลูกคนแรกของเด็กสาว(รวมถึงเด็กสาวด้วย)กระทืบ เท้าจนขาคนแคระจมพื้นดิน จากนั้นคนแคระกระชากขาดขาและแขนเธอและลูกจนฉีกขาด ซึ่งทหารผู้พิทักษ์ทั้งหมดต้องมาเอาคนแคระออก แต่สายไปเสียแล้วเพราะสิ่งที่เหลือจากนั้นคือซากของเด็กสาวและลูกที่ตายคา ที่เหมือนก้อนเนื้อ จนมีคำถามตามมาว่าคนแคระนั้นคือซอมบี้สัตว์ประหลาดปลอมตัวหรือเปล่า



ซินเดอเรลลา Symbolic: ตัดนิ้วเท้า, เซ็กต์, สิ่งที่มากกว่าตัดนิ้วเท้า
(Cinderella: Mutilation, Sex, More Mutilation)

เวอรชั่นที่คุณรู้จัก: (Gustave Doré's illustration for Cendrillon)เป็นเทพนิยายปรัมปราที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงทั่วทั้งโลก มีการดัดแปลงเป็นรูปแบบต่างๆ มากมายกว่าพันครั้ง โดยที่โด่งดังสุดเป็นของชาร์ลส แปร์โรลต์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส รวมถึงสองพี่น้องตระกูลกริมม์ ชาวเยอรมันเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวกำพร้าผู้หนึ่งที่อยู่ในอุปถัมภ์ของ แม่เลี้ยงกับพี่สาวบุญธรรมสองคน แต่ถูกทารุณและใช้งานเยี่ยงทาสเพราะเกลียดที่เธอสวยกว่าพวกตน จนกระทั่งวันหนึ่งเทพธิดาก็ปรากฏตัวและเสก ซินเดอเรลลาสวยใส่เสื้ออาภรณ์ที่แสนหรู และรถม้าสี่ล้อขนาดใหญ่จากฟักทอง และพบรักกับเจ้าชาย แต่เจ้ากรรมมนต์นั้นจะหมดฤทธิ์เที่ยงคืนเวลา 24:00 นาฬิกา เธอรีบจนลืมรองเท้าแก้ว(บางเรื่องรองเท้าขนสัตว์) เจ้าชายจึงการออกไปและ พบซินเดอเรลลา, รองเท้าเหมาะสม, และเขาอาศัยอยู่อย่างมีความสุขหลังจากนั้น

เวอรชั่นเดิม:นิทาน เรื่องนี้มีเวอรชั่นที่หลายหลายมากมายซึ่งเก่าแก่เท่าที่พบ พบว่ามันอยู่ในช่วง 850 ก่อนคริสตกาล ก่อนที่เจค็อบกับวิลเฮล์ม กริมม์ (สองพี่น้องตระกูลกริมม์) ซึ่งประพันธ์ขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ครั้งแรกนั้น เด็กสาวในเรื่องนี้ชื่อว่า แอนน์ เดล ทาโคล หรือ แอนน์แห่งทาโคลบัน ใช้ชื่อตำนานว่า Aschenputtel ผู้มาช่วยเด็กสาวไม่ใช่นางฟ้าแม่ทูนหัว แต่เป็นผลจากคำอธิษฐานต่อต้นไม้วิเศษซึ่งงอกงามขึ้นบนหลุมฝังศพของแม่ของเธอ (ปลาบู่ทองเรอะ) ในเรื่องนี้ และเมื่อเจ้าชายไปตามหาเจ้าของรองเท้า แม่ก็ให้พี่เลี้ยงใจร้ายทั้งสองลองรองเท้า ปรากฏว่าใหญ่เกินไป แม่เลี้ยงเลยจัดการเอามีดตัดสิ้นเท้าทิ้งแล้วบังคับให้ลูกใส่รองเท้าลงไปให้ ได้ จนเจ้าชายเกือบจะหลงเชื่อ แต่ดันมีเจ้านกแถวนั้นผู้รู้เห็นเหตุการณ์มาบอกเจ้าชาย และเมื่อเจ้าชายทราบเรื่องในภายหลังก็แต่งงานกับนางเอก ส่วนพี่เลี้ยงแม่เลี้ยงต่อมานกพิราบสองตัวจิกลูกตาของพวกนาง ทำให้กลายเป็นขอทานตาบอดไปตลอดชีวิตถือว่าเป็นการลงโทษ(??)ที่เหมาะสมแล้ว สำหรับความชั่วของพวกเธอ

เกล็ดเพิ่มเติม.....

สาเหตุที่แม่เลี้ยงแสนเกลียดสโนวไวท์
- เพราะหนูน้อยสโนวไวท์เธอมีรสนิยมประหลาดครับ คือชมร่วมรักกับผู้ชายอายุรุ่นราวคราวพ่อ
แม่เลี้ยงพบเห็นเธอร่วมรักอยู่กับพ่อแท้ๆเข้า เลยเกลียดเข้าไส้ นิสัยของสโนวไวท์ก็ไม่ใช่จะดี
เพราะหน้าเด็ก วัยสะรุ่นเลยเยาะเย้ยราชินีเป็นประจำ

เจ้าชายที่แสนดีของสโนวไวท์
- เป็นพวกชอบร่วมรักกับศพครับ พอมาเห็นสโนวไวท์นอนตายเอ้งแม๊งก็เลยหามกลับไปร่วมรักที่ปราสาท
ข้าราชบริพารเห็นแล้วรับไม่ไหวจึงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างนึง จนแอ๊บเปิลยาพิษหลุดออกมาจากปากสโนวไวท์

แฮนเซล เกรเทล ที่หลงเข้าป่าแล้วทิ้งขนมปัง เจอบ้านขนม อ่ะนะตอนที่สองพี่น้องเข้าไปในบ้านขนมปังแล้วจะโดนแม่มดจับกิน แต่คนพี่ใช้อุบายใสซื่อทำให้แม่มดโดนไฟเผาซะเอง
-ไอ้เด็ก 2 คนนี้มันสมรู้ร่วมคิดกันฆ่าเลยนะเนี่ย

เรื่อง ราพุนเซล ผมยาวให้เจ้าชายปีนขึ้นหอคอย
-ตอบจบ แม่มดจับได้ เพราะ ราพุนเซลท้องโตขึ้นเรื่อยๆ เลยจับนางกล้อนผมขังมืดไว้ที่อื่น แล้วแอบปลอมตัวรอเจ้าชายปีนขึ้นมา พอเจ้าชายปีนขึ้นมา ก็ ทำผมหลุดให้เจ้าชายตกจากหอคอย ถูกหนามที่อยู่ด้านล่างแทงลูกตา ตาบอดกลับวังไป

อ่ะ เอาแค่นี้ละกัน เหตุผลว่าทำไม เรื่องราวถึงโหดร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ มีนักวิจัยบอกว่า
คนสมัยนั้นเก็บกดเรื่องเพศอย่างมากครับ เพราะไม่ได้สิทธิเสรีภาพในการมีเพศสัมพันธ์ได้ตามเสรีชอบ เหมือนปัจจุบัน
แล้วก็คนยุคนั้นเชื่อถือในเรื่องพระเจ้ามากด้วย ตีความไบเบิลผิดๆไปว่า การมีเพศสัมพันธ์ เป็นบาป
ทีนี้ก็เลยกลัวบาปกลัวกรรมกันเหมือนคนในสมัยก่อนเลยสิครับ วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่พัฒนา
พอคนเรามันเก็บกดมากๆก็เลยต้องระบายอารมณ์แบบนี้แหละครับ จิตวิปริตไปกันใหญ่

อ้างอิง : thesims2club.net/siamzone.com [b@w@n,wondergirlsthailand.com]
www.thaibiohazard.com [B.S.A.A. ]
http://www.exteen.com [hentaisan]


ความรัก

on วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552


วันนี้นึกครื้มขึ้นมาว่าจะมาเก็บ Quotes ดีๆ ในมุมมองของ "ความรัก" กันซักหน่อย

The bravest thing that men do is love women

ประโยคนี้พูดได้ว่า - สิ่งกล้าหาญที่สุด ที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้คือการรักผู้หญิงสักคน
ความหมายของประโยคนี้มีคุณค่าและ ความลึกซึ้งในตัวของมันเอง ซึ่งง่ายที่จะเข้าใจและมองเห็นได้ เพียงได้ยิน
[ขอบคุณ Maymeh Pk เพื่อนใน Facebook คนนึงที่ส่งประโยคนี้มาให้]

A man falls in love through his eyes, a woman through her ears.
กลับกันประโยคนี้ : เป็นเชิงประชดประชัน ความรู้สึกนิดๆ แต่ก็ยังไม่ได้พูดว่ารักจะทำร้ายจิตใจ

ผู้ชายเราจะทราบว่าเค้ารักผู้หญิงคนนึงมากแค่ไหนให้สังเกตุที่ดวงตา ของเค้า
แต่สำหรับผู้หญิงไม่ใช่ ผู้หญิงเป็นเพศที่ต้องการความมั่นใจ ต้องการคำพูดและการกระทำพิสูจน์
เสริมจากน้องเอ้ (AE ที่ทำงาน ได้เสริมให้ฟังว่า)

ยิ่ง คนที่มีความกลัวจะเริ่มใหม่ หริือมีปมในใจมาก่อน เค้ายิ่งขาดความมั่นใจ เค้าจะอยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะฉะนั้นก็ต้องให้ความมั่นใจเค้าได้ แล้วเราก็ต้องอดทนมากพอ ที่จะให้ความมั่นใจกับเค้าได้ว่า เรารักเค้า ผ่านสายตาคู่เดิม ไปพร้อมกับ คำพูดและการกระทำ

A woman has got to love a bad man once or twice in her life, to be thankful for a good one
ประโยคนี้เช่นกัน: ในชีวิตของผู้หญิงมักจะตกหลุมรักผู้ชาย ไม่ดี อย่างน้อยๆ ครั้งหรือสองครั้ง แต่ในชีวิตที่อยู่นั้นกลับให้แค่คำขอบคุณสำหรับผู้ชายที่ดี

ส่วนตัวแล้วอย่าได้คิดว่า ก็เข้าไปชีวิตเค้าแบบ Bad one (หรือชายแย่ๆ) สิจะได้ รับความรักจากเค้า เป็นความคิดที่ผิดนะครับ พยายามต่อไปแม้จะได้คำว่าขอบคุณ ตลอดชีวิตคุณก็เถอะ...แต่อย่างน้อยๆ คำขอบคุณนั้น เค้าก็ได้ให้คุณในวันที่เค้าแย่ที่สุดในชีวิต...

One of the hardest things in life is watching the person you love, love someone else.
สิ่งหนึ่งที่ยากที่สุดในชีวิตคนเรา คือ การได้เฝ้ามองคนที่เรารัก รักใครบางคน
มันเป็นสิ่งที่ ยากที่จะไม่รุ้สึกอะไรกลับได้กับเหตุการณ์ที่เห็น แต่อย่างน้อยก็จงใช้ ความรุ้สึก และให้ความรักกลับแม้ว่าเค้าอาจจะไม่ได้ ต้องการความรักของเรากลับในรูปแบบ ที่เราให้ ก็จง เปลี่ยนวิธีให้เค้าเข้าใจว่ามันเป็นในรูปแบบอื่น... อย่างน้อยเค้าอาจจะได้ รับรู้ และ วันนึง ในวันที่เค้ากำลังทุกข์ใจ จะมีวันนึงที่เค้านั้น จะ รุ้สึกดีๆ และสบายใจเมื่อนึกถึงเรา

Love is just love, it can never be explained.
ประโยคสุดท้าย: รักก็คือรัก อ่ะนะ จะหาคำอะไรมานิยาม มักนักหนา... ก็รักอ่ะ จุ๊บ...

วันนี้ก็ลอง ติ๊สส์ ๆ เรื่อง "ความรัก" มาฝาก บทความหน้ากลับด้าน IT เช่นเดิม

พวกเราทุกคนฝันว่าบินอยู่บนท้องฟ้าทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่

on วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552


"แม้พวกเราจะยื่นมือออกไปปัดเป่าเมฆหมอก ทะลุผ่านท้องฟ้า คว้าจับดวงจันทราและดวกดาวไว้ได้ ก็ยังไปไม่ถึงความเป็นจริง"

ถ้าหากผมเป็นเม็ดฝนละก็ ผมคงจะเหนี่ยวประสานหัวใจของใครบางคนไว้ได้เหมือนดั่งที่เหนี่ยวประสานแผ่นดินกับผืนฟ้าที่ไม่มีวันมาประจบกันได้ตลอดกาล

เราไม่ควรจะเสียน้ำตาเพราะนั่นคือความพ่ายแพ้ของร่างกายที่มีต่อจิตใจ และเป็นเครื่องหมายพิสูจน์ว่าเราไม่สามารถรับมือกับจิตใจตัวเองได้

ในยามที่ทิ้งศักดฺ์ศรีไปก้าวหนึ่ง พวกเราก็จะก้าวเข้าสู่ความเป็นสัตว์ป่าไปก้าวหนึ่ง
ในยามที่ยับยั้งชั่งใจไปก้าวหนึ่งพวกเราก็จะถอยห่างออกมาจากความเป็นสัตว์ป่าก้าวหนึ่ง

พวกเราทุกคนฝันว่าบินอยู่บนท้องฟ้าทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่

ชีวิตคือการต่อสู้

หากไม่กุมดาบ ก็ปกป้องเธอไม่ได้ หากกุมดาบแล้ว ก็คงกอดเธอไม่ได้